เต่าซูลคาต้า

11607 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เต่าซูลคาต้า

ลักษณะ
จัดเป็นเต่าบกที่มีความใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกรองมาจาก เต่ายักษ์กาลาปากอส (G. nigra)
และเต่าอัลดาบร้า (Aldabrachelys gigantea) จัดเป็นเต่าที่มีลักษณะกระดองที่แบนราบ
เมื่อยังอยู่ในวัยเล็ก ลำตัวมีสีขาวไปจนถึงสีน้ำตาลเหลือง เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นและวัยเต็มวัย
สีของกระดองจะพัฒนาเป็นสีน้ำตาลและสีเหลือง ขาทั้งสี่ข้างแข็งแรง โดยเฉพาะขาคู่หน้ามีเกล็ดขนาดใหญ่เห็นได้ชัดเจน
ขนาดเมื่อโตเต็มที่ยาวได้มากกว่า 36 นิ้ว น้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัม มีอายุยาวกว่า 100 ปี

อาหาร: เป็นเต่าที่กินอาหารหลักได้หลากหลาย โดยมากเป็นหญ้า รวมถึงวัชพืช และผลไม้ชนิดต่างๆ
รวมถึงพืชในทะเลทราย เช่น กระบองเพชร มีพฤติกรรมที่แตกต่างไปกว่าเต่าบกชนิดอื่นๆ
คือ เดินเก่งและเดินได้เร็ว สามารถเดินหาอาหารกินได้วันละหลายชั่วโมง

การขยายพันธุ์
กระจายพันธุ์บริเวณพื้นที่แห้งแล้ง บริเวณขอบ ทะเลทรายซาฮาร่า ตั้งแต่ประเทศมาลี, เซเนกัล ในแอฟริกาตะวันตก
ไปจนถึงเอธิโอเปีย เต่าตัวผู้เมื่อสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุได้ราว 5 ปี หรือมีความยาวประมาณ 15 นิ้ว
ในส่วนตัวเมียจะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ เมื่ออายุได้ 7 ปี หรือมีความยาว ประมาณ 17 นิ้ว
ตัวผู้มีโคนหางที่ยาวกว่า ตัวเมียและมีกระดองบริเวณก้น เป็นรูปตัววี อีกทั้งกระดอง
ใต้ท้องมีลักษณะ โค้งเว้าเข้าไปด้านใน การสังเกตเพศเห็นได้เมื่อมีอายุได้ 3-4 ปี
หรือมีความยาวประมาณ 1 ฟุต มีฤดูผสมพันธุ์ในช่วง ต้นฤดูร้อนจนถึงปลายฤดูฝน
โดยใช้เวลาผสมพันธุ์ นานราว 1 ชั่วโมง เต่าตัวเมียจะวางไข่ หลังผสมพันธุ์แล้ว 1 เดือน
โดยใช้ขาหลังขุดหลุม ซึ่งอาจมีหลายหลุมเพื่อ หลอกสัตว์กินเนื้อชนิดอื่นที่จะมาขโมยไข่
วางไข่ครั้งละ 20-30 ฟอง โดยในแต่ละปีอาจวางไข่ได้ถึง ครั้งละ 4-5 ครั้ง และมักจะวางไข่ในช่วงเวลา
บ่ายไปจนถึงตอนเย็น ไข่ใช้เวลาฟักเป็นตัว ประมาณ 90 วัน โดยใช้ อุณหภูมิประมาณ 29-31 องศาเซลเซียส
ความชื้นอยู่ที่ร้อยละ 75-85 ลูกเต่าเมื่อแรกฟักจะมีความยาวประมาณ 2 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 20-30 กรัม
และจะมีถุงไข่แดงติดตัวมาด้วย ซึ่งถุงไข่แดงนั้นจะให้พลังงาน แทนอาหาร ใช้เวลานานประมาณหนึ่งสัปดาห์ ถุงไข่แดงนี้จึงจะยุบไป

ปัจจุบัน: เต่าซูลคาค้าเป็นเต่าบกอีกชนิดหนึ่ง ที่นิยมเลี้ยงกันเป็นสัตว์เลี้ยงและสามารถเพาะขยายพันธุ์ในที่เลี้ยงได้แล้ว
รวมถึงใน ประเทศไทยด้วย

Powered by MakeWebEasy.com